วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ศาลเจ้าในจังหวัดภูเก็ต


ศาลเจ้ากระทู้
ผมเป็นเด็กในทู (กะทู้) ตั้งแต่กำเนิด บ้านผมอยู่ใกล้ศาลเจ้ากะทู้ หรือ คนภูเก็ต เรียกกัน ว่า "อ้ามกะทู้" หรือ คนภูเก็ตโบราณ เขาจะเรียกกันว่า "ฉายตึ้ง" ถ้าผมจำไม่ผิดน่ะครับ ผมมีความผูกพันกับศาลเจ้ากะูทู้ตลอดมา พอถึงเทศกาลถือศืลกินผักทีไรผมรู้สักมีความสุขขึ้นมาทุกที เพราะ แถวกะทู้บ้านผมจะคึกคักขึ้นมาทันที ในแต่ละปีบ้านกะทู้จะคึกคักเฉพาะในช่วงกินผัก เท่านั้น
ศาลเจ้ากะูทู้ หรือ เรียกว่า ศาลเจ้าในทู เป็นศาลเจ้าแห่งแรกที่เริ่มประเพณีถือศีลกินผักของภูเก็ต เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ และ ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพนับถือของพี่น้องชาวภูเก็ต


หลังจากที่ได้มีคณะงิ้วเดินทางมาจากเมืองจีน มาเปิดการแสดงที่บ้านกะทู้ แต่แล้วผู้แสดง ในคณะงิ้วเกิดเจ็บป่วยขึ้น ทำให้คณะงิ้วคิดไว้ว่า พวกตนละเลย ไม่ได้ประกอบพิธีกินผัก ซึ่งเคยกระทำเป็นประจำทุกปีที่เมืองจีน จึงตกลงกัน ประกอบพิธีกินผักขึ้นที่โรงงิ้วนั้นเอง ภายหลังการประกอบ พิธีกินผักที่โรงงิ้วเสร็จแล้ว โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ก็หายไป จนหมดสิ้น ทำความประหลาดใจให้ชาวกะทู้ ชาวกะทู้ได้เข้าร่วมพิธีกินผัก กับคณะงิ้วด้วย แต่ไม่มีใครทราบ และเป็นผู้รู้เกี่ยวกับพิธีนี้ดี ชาวบ้านทำได้เพียง เคารพบูชา และขอขมา แด่ศาลเจ้า จนกระทั่ง ท่านผู้รู้ เดินทางไปถึงมณฑลกังไซ้ และเห็นชาวบ้าน ประกอบพิธีถือศีลกินผัก แต่เขาแนะนำว่าการประกอบพิธีนั้น ไม่ถูกต้อง ตามประเพณีเดิมของฉ้ายตึ่ง (ศาลเจ้า ที่มณฑลกังไซ้) และอาสากลับไป เพื่ออัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์คือควันธูป มาจากมณฑลกังไซ้ ในตอนกลางคืน ท่านผู้รู้ได้ล่องเรือกลับจากประเทศจีนมาถึงที่บางเหลียว (บางเหนียว ในปัจจุบัน) และส่งข่าวไปยังชาวกะทู้ว่าท่านผู้รู้ได้มาถึงแล้ว ดังนั้นจึงบอกให้ คณะกรรมการ ในพิธีนี้มารับท่านผู้รู้ในวันถัดไป (ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 9) นอกจากนี้ ท่านผู้รู้ ได้นำบทสวดมนต์ จากตำรา และคัมภีร์ต่างๆ กับเต้าบูเก็ง มาไว้ที่ศาลเจ้าฉ้ายตึ่ง เช่นกัน
นอกจากนี้ศาลเจ้า ในต่างจังหวัด และต่างประเทศ ก็ได้มาอัญเชิญเหี่ยวโห้ย หรือ เหี่ยวเอี้ยน จากศาลเจ้ากะทู้ ไปเช่นเดียวกัน คือศาลเจ้าไท้เป๋ง (ประเทศมาเลเซีย) ศาลเจ้าตะกั่วป่า ศาลเจ้ากระบี่ เป็นต้น
ท่านผู้รู้ได้อธิบายไว้เกี่ยวกับ การประกอบพิธีกรรม ของศาลเจ้าว่า ตำรา และคัมภีร์ต่างๆ ที่ใช้ในการประกอบพิธีกินผัก ห้ามนำออกมาเปิดเผย ผู้ใดนำมาเปิดเผย จะมีอันเป็นไป ตำรา และคัมภีร์ดังกล่าวนี้ นำออกมาเปิดเผย ได้เฉพาะ ในระหว่างพิธีกินผักเท่านั้น เมื่อเสร็จ จากพิธีกินผักแล้ว ให้นำไปเก็บไว้ที่เดิม ในศาลเจ้าทันที



ศาลเจ้ากะทู้หลังนี้เพิ่งสร้างเสร็จได้ประมาณ 5 ปี ตามแบบสถาปัตยกรรมของศาลเจ้าที่อยู่ในประเทศจีน เมื่อสมัยก่อนศาลเจ้าหลังเก่าจะเล็กมากไม่ใหญ่โตสวยงามถึงขนาดนี้ เสียดายที่ผมไม่มี รูปศาลเจ้าหลังเก่ามาให้ดู ไว้ผมจะไปมาให้ถ้ามีน่ะครับ หรือว่าใครมีรูปศาลเจ้าหลังเก่า ก็ช่วยส่งมาให้ผมหน่อยได้ไว้ให้ลูกหลานได้ดูักัน

1 ความคิดเห็น:

YutPhuket กล่าวว่า...

ข้อความนี้ได้นำมาลงโดยไม่ได้รับอณุญาติจากเจ้าของเว็บไซต์ที่แท้จริง กรุณาดำเนินการ แก้ไขให้ถูกต้องตาม พรบ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ปี 50 ด้วยครับ

http://www.phuketvegetarian.com/phuket-shrine/kathu-shrine/index.htm

จากคนภูเก็จตัวจริง

เพื่อนภูเก็ตทัวร์

ข่าวสารท่องเที่ยว

แผนที่ดาวเทียม