วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2552

ภูเก็ตทัวร์::วันสงกรานต์


สงกรานต์ แปลว่า การย้ายที่ คือ เป็นวันที่พระอาทิตย์โครจรย้ายจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ตามการคำนวณของผู้รู้ทางโหราศาสตร์ ซึ่งจะตรงกับวันขึ้น 1 คำ เดือน 5 แต่การนับวันทางจันทรคตินี้ เมื่อเทียบกับวันทางสุริยคติ ในแต่ละปีจะไม่ตรงกัน จึงถือเอาวันที่ 13 เมษายนของทุกปี เป็นวันสงกรานต์ แต่เดิมเราถือเอาวันสงกรานต์ เป็นวันปีใหม่ของไทย และแม้ว่าในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปถือเอาวันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ตามสากลเพื่อให้สอดคล้องกับนานาอารยปนะเทศ แต่ก็ยังยึดถือเอาวันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่มาจนถึงทุกวันนี้ และยังถือว่าวันที่ 15 เมษายน เป็นวันครอบครัวอีกด้วย
ประเพณีวันสงกรานต์ปกติมีทั้งหมด๓วัน คือเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๓ เมษายน ถึง ๑๕ เมษายน โดยถือเอาวันที่ ๑๓ เป็นวันต้น หรือวันมหาสงกรานต์ วันที่ ๑๔ เป็นวันเนาหรือวันกลาง และวันที่ ๑๕ เป็นวันเถลิงศก หรือวันสุดท้าย แต่วันต้นวันเนาวันเถลิงศกนี้ หากนับทางจันทรคติหรือคำนวณทางโหราศาสตร์อาจจะคลาดเคลื่อนกันบ้างในแต่ละปี
ความสำคัญของวันสงกรานต์
1. เป็นวันหยุดพักผ่อนประจำปี
2. เป็นวันทำบุญสร้างกุศล และประกอบพิะกรรมทางศาสน
3. เป็นวันอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมไทย
4. เป็นวันแสดงวันกตัญญูกตเวที ระลึกถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
5. เป็นวันครอบครัว วันรวมญาติและวันผู้สูงอายุ
6. เป็นวันอนุรักษ์พันธุ์สัตว์

วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ภูเก็ตทัวร์ :: เที่ยวเข้าป่าชมต้นน้ำ


จากตัวเมืองภูเก็ตไปตามเส้นทางถนนเทพกระษัตรี เป็นระยะทาง 18 กม. เมื่อถึงสี่แยกถลางเลี้ยวขวา ไปอีกประมาณ 2 กม. ก็จะพบป่าเขาพระแทวอยู่เบื้องหน้า สถานีฯ แห่งนี้เป็นหน่วยงานที่ให้ความร ู้และ ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่า ได้รับประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2523 มาสภาพเป็นป่าดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธ์ไม้นานาชนิด โดยเฉพาะพันธ์ปาล์มหายาก ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "ปาล์มหลังขาว" ซึ่งพบเป็นแห่งแรกในโลก ทั้งยังเป็นที่อาศัยของสัตว์ป่า และนก นานาชนิดและเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของจังหวัดด้วยนอกจากนี้ภายในบริเวณยังมีน้ำตกให้เที่ยวชม อีกสองแห่งคือ



น้ำตกโตนไทร
เป็นน้ำตกขนาดเล็ก ซึ่งจะมีน้ำไหลแรงในช่วงฤดูฝน บรรยากาศร่มรื่น ไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่ให้ร่มเงา เหมาะแก่การพักผ่อน หย่อนใจ


น้ำตกบางแป
ซึ่งอยู่ห่างจากน้ำตกโตนไทรประมาณ 4 กม. โดยเส้นทางเดินเท้า หากจะใช้เส้นทางรถ ต้องกลับออกมาที่สี่แยกถลางเลี้ยวซ้ายเข้าเมือง เมื่อถึงอนุเสาวรีย์ท้าวเทพฯ ให้เลี้ยวซ้ายไปอีก 8 กม. จะมีป้ายน้ำตกบางแปทางด้านซ้ายมือ จากนั้นเลี้ยวไปตามเส้นทางน้ำตกบางแปอีก 1 กม. น้ำตกบางแปเป็นน้ำตกเป็นน้ำตกขนาดเล็กที่มีสวนรุกขชาติร่มรื่น น้ำไหลแรงตลอดปี ภายในบริเวณน้ำตกเป็นที่ตั้งของศูนย์อนุรักษ์ชะนีหรือสถานอนุบาลชะนี ซึ่งเป็นโครงการเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของชะนีที่ถูกจับมาเลี้ยงให้พร้อมที่จะกลับสู่ป่าต่อไป

วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ภูเก็ตทัวร์ :: ท่องเที่ยว หมู่เกาะพีพี



หมู่เกาะพีพี


เป็นหมู่เกาะอีกแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก อยู่ในตำบลอ่าวนาง เขตอำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ มีระยะทางระหว่างจากจังหวัดกระบี่ประมาณ 42 กิโลเมตร และห่างจากเกาะภูเก็ตประมาณ 40 กิโลเมตร หมู่เกาะพีพีประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ รวมกัน 6 เกาะ ซึ่งประกอบด้วย เกาะพีพีดอน เกาะพีพีเล เกาะบิด๊ะนอก เกาะบิด๊ะใน เกาะยูง เกาะไผ่ นอกจากเกาะต่าง ๆ แล้วยังมีเวิ้งอ่าวที่สำคัญได้แก่ อ่าวโล๊ะลาน่า อ่าวโล๊ะดาลัม อ่าวหยงกาเส็ม อ่าวต้นไทร อ่าวโล๊ะบาเกา อ่าวผักหนาม อ่าวรันตี อ่าวบิเล๊ะ อ่าวมาหยา และอ่าวโล๊ะซามะลักษณะเด่นของหมู่เกาะพีพี หมู่เกาะพีพีมีเนื้อที่รวมกันทั้งสิ้น 11.2 ตร.กม. เฉพาะเกาะพีพีดอนซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด มีเนื้อที่ประมาณ 9.408 ตร.กม.สภาพโดยทั่วไปของหมู่เกาะพีพี พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาโดยเฉพาะภูเขาหินปูนสูงชัน พื้นที่ราบและหาดทรายกระจายอยู่ทุกเกาะตลอดจนมีแนวปะการัง และสรรพชีวิตใต้ทะเลอุดมสมบูรณ์ หาดทรายขาวสะอาด มีปลาทะเลชนิดต่างๆ หลากหลายสีสัน และจะมีแพลงตอนจำนวนมาก น้ำทะเลมีสีเขียวอมฟ้าใสงามดังมรกต เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกในความงดงามตามธรรมชาติจนได้รับการขนานนามว่าเป็น " มรกตแห่งอันดามันสวรรค์เกาะพีพี" เหมาะแก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปชมทัศนียภาพทางทะเลเป็นอย่างดี


อ่าวมาหยา




เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงทั้งในด้านความสมบูรณ์ทางธรรมชาติและ ชื่อเสียงในด้านใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เรื่อง The Beach โดยลักษณะทั่วไปของอ่าวมาหยา จะมีภูผาที่ปกครอบด้วยพรรณไม้สีเขียวโอบล้อมเปรียบเสมือนกำแพงอ่าว น้ำทะเลที่ใสดุจดังกระจกสามารถมองเห็นพื้นทรายหรือปะการังเบื้องล่างได้อย่างง่าย เมื่อขึ้นสู่ชายหาดจะสัมผัสได้กับพื้นทรายที่ขาวนวลละเอียด และเมื่อมองออกไปเบื้องหน้าภายนอกเปรียบเสมือนเราถูกโอบล้อมด้วยขุนเขามีเบื้องหน้าเปรียบเสมือนประตูเข้ามา ยามผู้คนน้อยนิดไม่ผิดอะไรกับอีกโลกหนึ่งที่เราสัมผัสได้ ช่วงเหมาะกับการเที่ยวอ่าวมาหยานั้นอยู่ในช่วงตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน ถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งในช่วงนี้จะมีสภาพคลื่นลมไม่แรง เพราะถ้าคลื่นลมแรงจะทำให้น้ำบริเวณนั้นขุ่นไม่ใส และช่วงนี้หาดทรายจะทอดตัวเป็นแนวราบยาวลงทะเล แต่ถ้าเป็นช่วงมรสุมจะมีสภาพคลื่นลมค่อนข้างแรงมาก ไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำ และบริเวณหาดทรายจะถูกคลื่นซัดยกตัวขึ้นสูงจนบางครั้งไม่สามารถขึ้นสู่ฝั่งได้ และการเดินทางไปบริเวณอ่าวมาหยาในช่วงมรสุมนั้นถือว่าค่อนข้างอันตรายมาก ยิ่งถ้าเป็นเรือเล็กขอห้ามโดยเด็ดขาด


โละซามะ




เนื่องจากบริเวณนี้อยู่เข้าไปด้านในมีเกาะเล็กเป็นเสมือนกำบังลมจึงทำให้บริเวณนี้นักท่องเที่ยวมักนิยมนำเรือมาลอยลำเพื่อลงดำผิวน้ำ ดูปะการัง และสนุกกับฝูงปลามากมาย ที่คอยแหวกว่ายรอบตัวเรา บริเวณสามารถเข้าท่องเที่ยวได้ตลอด แต่ช่วงระยะที่เดินทางภายนอกก่อนเข้าไปในโละซามะต้องใช้ความระมัดระวังในช่วงหน้ามรสุมเพราะคลื่นลมแรง แต่ถ้าสามารถเข้าไปบริเวณด้านในจะค่อนข้างสงบเพราะมีเกาะเล็ก ๆ บังลมและคลื่นไว้


ปิเละ




เป็นสถานที่อยู่ภายในเข้าไปในหุบเขา โดยเรือสามารถแล่นเข้าไปภายใน ( ต้องระวังเรื่องระดับน้ำด้วย ) และเมื่อเข้าไปภายในจะเปรียบเสมือนคล้ายลากูนใหญ่ ที่มีขุนเขากั้นรอบด้าน ท้องน้ำที่เรียบสงบ ใสดุจดังกระจก เหมาะอย่างยิ่งในการลงเล่นน้ำ จึงเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมลอยลำลงเล่นน้ำบริเวณนี้ บริเวณปิเละจะไม่ค่อยมีปัญหาเกี่ยวกับคลื่นลมเท่าไรในช่วงหน้ามรสุม แต่จะลำบากในช่วงเดินทางเข้าไปเท่านั้น


หาดยาว




เป็นชายหาดที่ตั้งอยู่บนเกาะพีพีดอน มีลักษณะแนวหาดชายที่ทอดตัวยาว บริเวณแห่งนี้มีน้ำทะเลที่ใสมาก แต่จะมีลักษณะที่ทอดตัวลงทะเลและหักเป็นก้นกะทะ จึงต้องระวังในการเล่นน้ำด้วย บริเวณหาดทรายยามเมื่อกระทบแสงแดดทำเกิดแสงสะท้อนมาก เนื่องจากเป็นหาดทรายที่ขาวนวลละเอียด และบริเวณนี้ยังมีรีสอร์ท และบังกะโล เปิดให้บริการมากมายตลอดแนว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับพักผ่อนนอนแอบแดด บริเวณหาดยาวเหมาะอย่างยิ่งในช่วงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงไม่มีคลื่นลม ทะเลเรียบน้ำจะใสมาก แต่หลังจากช่วงดังกล่าวเป็นช่วงมรสุมอาจมีคลื่นลมบ้าง และน้ำจะไม่ใสเท่าที่ควรเพราะคลื่นซัดทำให้น้ำขุ่น แต่ก็สามารถท่องเที่ยวได้




หินแพร




เป็นแนวหินที่อยู่ไม่ไกลจากฝั่งสามารถว่ายไปถึงได้ บริเวณนี้จะมีแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์สวยงาม และฝูงปลาหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ จึงเหมาะอย่างยิ่งในการดำผิวน้ำ ปัจจุบันนักท่องเที่ยวนิยมนำเรือมาลอยผูกทุ่นเพื่อดำผิวน้ำกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากบริเวณนี้อยู่ด้านหน้าของหาดยาว ดังนั้นสภาพอากาศจึงไม่แตกต่างจากหาดยาวมากนัก


เกาะไผ่




เป็นเกาะส่วนหนึ่งของหมู่เกาะพีพี ตั้งอยู่บริเวณตรงข้าม แนวแหลมตง เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาวสะอาดมาก และน้ำทะเลที่ใส เหมาะแก่การเล่นน้ำ พักผ่อน ภายในบนเกาะยังมีป่าสนคอยให้ความร่มรื่น และบริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานอุทยานแห่งชาติ มีห้องน้ำบริการนักท่องเที่ยว บริเวณเกาะไผ่ในช่วงมรสุมในบางครั้งไม่สามารถนำเรือขึ้นเทียบหาดได้ เพราะคลื่นลมจะค่อนข้างแรง และสภาพน้ำทะเลไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำ


เกาะนกยูง




เป็นเกาะที่อยู่ตรงข้ามกับเกาะไผ่ เป็นเกาะที่เมื่อเวลาน้ำขึ้นจะไม่มีแนวชายหาด จะมีแนวชายหาดเฉพาะน้ำลงเท่านั้น นักท่องเที่ยวไม่นิยมเดินทางมามากนัก เพราะลักษณะโดยทั่วไปเป็นเขาสูงไม่สามารถขึ้นไปด้านบนได้


อ่าวต้นไทร




บริเวณแห่งนี้ถือว่าเป็นจุดที่มีการพัฒนาความเจริญมากที่สุด เป็นบริเวณที่มีผู้คนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ พักอาศัย และประกอบอาชีพหลากหลายอยู่ และเป็นจุดที่ให้บริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของเกาะพีพี อาทิ การดำน้ำลึก การเช่าเรือท่องเที่ยวรอบหมู่เกาะพีพี มีร้านอาหาร และสินค้าที่ระลึกมากมาย ปัจจุบันนี้ ( พฤษภาคม 2549 ) สภาพของอ่าวต้นไทร ไม่เหมาะกับการเล่นน้ำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากบริเวณนี้มีท่าเทียบเรือ ซึ่งเรือที่เดินทางจากสถานที่ต่าง ๆจะมาเทียบท่าบริเวณนี้ ดังนั้นเมื่อเรือเข้าออกเป็นจำนวนมาก จึงเกิดมลภาวะเกี่ยวกับน้ำทะเลในด้านของเสียที่ปล่อยจากเรือทำให้น้ำบริเวณไม่สะอาดเท่าที่ควร และหาดทรายบริเวณนี้ไม่เหมาะอย่างยิ่งกับการพักผ่อน แต่อ่าวต้นไทรเหมาะแก่การเดินชมทิวทัศน์ และการค้าขายในรูปแบบต่าง และที่แห่งนี้ยังมีจุดชมวิวจากบนเขาลงมาเห็นภาพข้างล่างของอ่าวต้นไทรได้สวยงามมาก ที่อ่าวต้นไทรยังเป็นแหล่งบันเทิงในหลายรูปแบบยามค่ำคืน ที่นี่จึงไม่เหงาแม้ผู้คนจะมากหรือน้อย


แหลมตง




เป็นบริเวณที่ตั้งของรีสอร์ท และร้านอาหาร นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวบริเวณนี้โดยมากจะเป็นลูกค้าของรีสอร์ทที่ตั้งอยู่บริเวณนี้ และที่แห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งกับผู้รัก

ภูเก็ตทัวร์ :: ทางทะเล : เดินทางด้วยเรือเร็ว Speed Boat


จากครั้งที่แล้ว ที่เราบรรยายถึงการท่องเที่ยวทางทะเลด้วยเรือใหญ่กันมาแล้ว ครั้งนี้เรากลับมาด้วยข้อมูลเชิงลึกจากประสบการณ์จริงที่ได้คัดสรร กลั่นกรองออกมาให้คุณ กับการท่องเที่ยวทางทะเลด้วยเรือเร็ว หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Speed Boat ซึ่งครั้งนี้ เราจะบรรยายถึงวิธีการนั่งเรือเร็วให้ทุกคนได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ คุณหลายๆคนคงอาจจะคิดว่า แล้วมันจะต่างกันยังไงล่ะ นั่งเรือก็คือนั่งเรือ จะต่างกันหรอกับการนั่งเรือใหญ่กับเรือเร็ว เราขอบอกได้เลยว่า ต่างกันครับ ซึ่งรายละเอียดต่างๆ เราได้เตรียมไว้ให้คุณแล้ว ไปกันเลยครับการเดินทางโดยเรือเร็ว Speed boatการท่องเที่ยวทะเลตามเกาะต่าง ๆ โดยใช้เรือเร็ว เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาก ซึ่งความรู้สึกและบรรยากาศจะแตกต่างจากเรือใหญ่ค่อนข้างมาก เรือเร็วที่ใช้ในการท่องเที่ยวในฝั่งอันดามันนั้น โดยมากบริเวณท้องเรือจะเป็นรูปตัววี ซึ่งจะแตกต่างจากเรือเร็วฝั่งอ่าวไทย เพราะสามารถที่จะโต้คลื่นลมได้เป็นอย่างดี สามารถทำความเร็วได้ตามต้องการ ลักษณะเรือเป็นเรือชั้นเดียว มีหลังคาผ้าใบ โดยมากจะเป็นเรือ 2 เครื่องยนต์ ขนาดบรรจุ 20-23 คน ปัจจุบันมีขนาดถึง 3 เครื่องยนต์ สามารถบรรจุผู้โดยสารได้ถึง 30-35 คน และอนาคตกำลังจะมีถึง 4 เครื่องยนต์

ข้อควรระวังในการเดินทางโดยเรือเร็ว

เนื่องจากเรือใช้ความเร็วค่อนข้างสูงในการวิ่ง จึงไม่ควรเดินไปมาภายในเรือโดยเด็ดขาด
การนั่งเรือเร็วที่มีการจัดให้มีที่นั่งสองแถวด้านข้างนั้น ควรแบ่งจำนวนผู้โดยสารให้เท่ากันทั้งสองข้าง เพื่อเป็นการถ่วงสมดุลของตัวเรือ
ขณะนั่งเรือ การนั่งตัวตรงได้นั้นจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และไม่ควรนั่งเกร็ง ควรปล่อยตามสบายไปตามสภาพแรงที่เรือกระทบผิวน้ำ
ไม่ควรก้มลงหยิบสิ่งของใดๆ ขณะเรือวิ่งด้วยความเร็วสูงอยู่
พยายามหลีกเลี่ยงที่นั่งบริเวณด้านหน้าหรือหัวเรือ เพราะบริเวณดังกล่าวจะมีการกระแทกผิวน้ำมากที่สุด ควรนั่งระหว่างกลางหรือท้ายเรือดีที่สุด เพราะท้ายเรือคือส่วนที่เป็นเครื่องยนต์ที่ต้องสัมผัสน้ำตลอดเวลา
ควรสวมเสื้อชูชีพขณะอยู่บนเรือทุกครั้ง
การดื่มเครื่องดื่มทุกชนิดขณะเรือกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง ควรใช้หลอดดูดดีที่สุด มิฉะนั่นถ้าดื่มจากขวดอาจเกิดการกระแทกขวดกับปากหรือฟันได้

ข้อดีในการเดินทางด้วยเรือเร็ว

เนื่องจากเป็นเรือที่ใช้ความเร็ว ทำให้การเดินทางถึงที่หมายได้เร็ว
เป็นเรือที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก จึงทำให้การเดินทางค่อนข้างจะไม่วุ่นวายมากนักเพราะผู้ร่วมเดินทางน้อย สามารถดูแลได้ทั่วถึง
เป็นเรือที่มีขนาดไม่ใหญ่และกินน้ำไม่ลึก จึงทำให้สามารถเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวได้โดยมิต้องเปลี่ยนถ่ายเรือ และสามารถถอยหลังเข้าเทียบหาดทรายได้
เป็นการเดินทางที่เหมาะกับผู้ชมบรรยากาศ และอากาศธรรมชาติ เพราะลมถ่ายเทสะดวกไม่ปรับอากาศ

ข้อเสียในการเดินทางด้วยเรือเร็ว

เนื่องจากเป็นเรือขนาดไม่ใหญ่ จึงไม่เหมาะกับสภาพทะเลที่มีคลื่นลม แรง
ห้องน้ำภายในเรือไม่สะดวกในการใช้งานเพราะมีขนาดเล็ก และแคบเกินไป
เนื่องจากขณะที่เรือวิ่งจะเกิดการกระแทกผิวน้ำเป็นระยะตลอดเส้นทางจึงไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ และเด็กอ่อน
ไม่ควรและไม่เหมาะสมในการใช้เดินทางเส้นทางที่ไกลๆ
ถึงอย่างไรก็ดีการเดินทางโดยใช้เรือเร็ว ยังถือว่าเป็นการเดินทางทริปท่องเที่ยวทางทะเลของทะเลอันดามันยังเป็นที่นิยมและสนใจมากพอสมควร ทั้งนี้และ

ภูเก็ตทัวร์ :: ท่องเที่ยว ในรูปแบบ ผจญภัย : เกาะไข่นอก, เกาะไข่นุ้ย


เกาะไข่นอก เป็นเกาะเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากเกาะภูเก็ตไม่มากนัก กรณีใช้เรือเร็วเดินทางจะใช้เวลาเพียง 15 นาทีจากบริเวณเกาะสิเหร่ เกาะไข่นอกเป็นเกาะที่ตั้งอยู่กลางทะเลอันดามัน ตลอดแนวรอบเกาะจะมีหาดทรายที่ขาวนวลละเอียด บริเวณพื้นที่ของหาดทรายจะกว้างมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระดับน้ำทะเลยามเมื่อน้ำลดแนวหาดทรายจะกว้างมีบริเวณมากและกลับกันเมื่อน้ำขึ้นจะมีแนวหาดทรายน้อย เกาะไข่นอกนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพักผ่อนเล่นน้ำ เนื่องจากมีน้ำทะเลใสดุจดังกระจก ด้านหลังของเกาะจะมีปลาเสือและปลาหลากหลายนานาชนิดอาศัยอยู่เป็จำนวนมาก นักท่องเที่ยวสามารถลงไปยืนและให้อาหารแก่ฝูงปลาจากมือของนักท่องเที่ยวได้เอง บริเวณที่ฝูงปลาอาศัยจะไม่ไกลจากฝั่งจนแทบจะริมหาดทราย ถือว่าเป็นฝูงปลาธรรมชาติที่คุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวมากที่สุด และรอบๆ บริเวณของเกาะยังมีแนวปะการังเขากวาง และปะการังหิน ที่สวยงามอีกด้วยเกาะไข่นุ้ย บริเวณพื้นที่โดยส่วนมากจะเป็นหิน ดังนั้นจึงไม่นิยมขึ้นสู่เกาะไข่นุ้ย แต่บริษัทที่ให้บริการจะพานักท่องเที่ยวลอยลำบริเวณใกล้ๆ และให้นักท่องเที่ยวลงดำผิวน้ำดูปะการัง และปลาสวยงามการเดินทางท่องเที่ยวเกาะไข่นอก และเกาะไข่นุ้ยนั้น โดยมากนิยมเดินทางด้วยเรือเร็ว ซึ่งใช้เวลาจากฝั่งภูเก็ตถึงเกาะเพียง 15 นาทีเท่านั้น บนเกาะมีการจัดการที่เป็นระบบได้ดีพอสมควร มีร้านอาหารบริการ พร้อมห้องน้ำ และบริเวณโดยรอบเกาะจะมีเก้าอีชายหาดไว้บริการแก่นักท่องเที่ยว
จุดเด่นของเกาะไข่นอก และเกาะไข่นุ้ยนั้น เป็นเกาะที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั้งปี ใช้เวลาในการเดินทางน้อย และสามารถเลือกมุมหลบคลื่นลมได้ มีหาดทรายและน้ำทะเลที่ใสสะอาด ฝูงปลาสวยงามหลากหลายนานาชนิดให้เราได้เพลิดเพลินสนุกสนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพวกเด็กๆ ถือว่าเป็นอีกเกาะหนึ่งที่เหมาะแก่การพักผ่อนเล่นน้ำ ในรูปแบบไปเช้าเย็นกลับเพราะไม่มีสถานที่พักใดๆ

วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ภูเก็ตทัวร์ :: วันปิยมหาราช - 23 ตุลาคม


ความเป็นมา :
เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นที่รักใคร่อย่างล้นเหลือของพสกนิกรทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ตลอดทั่วขอบขัณฑสีมาปวงประชาราษฎร์ถือว่าพระองค์คือพระราชบิดาแห่งตนและประเทศชาติ รัฐบาลจึงประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคม เป็นวัน “ปิยมหาราช” และเมื่อถึงวันที่ 23 ตุลาคมของทุกปีจะมีการวางพวงมาลาดอกไม้ที่พระบรมรูปทรงม้า เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระราชประวัติ :
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ และสมเด็จพระเทพศิริน-ทราบรมราชินี ประสูติเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 พระนามเดิมว่า “สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์” เมื่อพระชนม์ 9 พรรษาได้รับสถาปนาเป็นกรมหมื่นพิฆเนศวรสุรสังกาศ ต่อมาอีก 4 ปี ได้เลื่อนเป็น “กรมขุนพินิตประชานาถ” บรมราชาภิเษกครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2411 ทรงพระนามว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” เนื่องจากขณะนั้นมีพระชันษาเพียง 16 ปี ยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะ สมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ จึงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน และสถาปนากรมหมื่นบวรวิชัยชาญพระโอรสองค์ใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญพระมหาอุปราช ระหว่างที่ สมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เป็นผู้สำเร็จราชการอยู่นั้น สมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ก็ทรงใช้เวลาศึกษาเล่าเรียนศิลปวิทยาเป็นอันมาก เช่น โบราณราชประเพณี รัฐประศาสน์ โบราณคดี ภาษาบาลี ภาษาอังกฤษ วิชาปืนไฟ วิชามวยปล้ำ วิชากระบี่กระบอง และวิชาวิศวกรรม ยิ่งกว่านั้นในตอนนี้ยังได้เสด็จประพาสสิงคโปร์และชวา 2 ครั้ง เสด็จประพาสอินเดีย 1 ครั้ง การเสด็จประพาสนี้มิใช่เพื่อสำราญพระราชหฤทัย แต่เพื่อทอดพระเนตรแบบแผนการปกครองที่ชาวยุโรปนำมาใช้ปกครองเมืองขึ้นของตนเพื่อจะได้นำมาแก้ไขการปกครองของไทย ให้เหมาะสมแก่สมัยยิ่งขึ้น ตลอดจนการแต่งตัว การตัดผม การเข้าเฝ้าในพระราชฐานก็ใช้ยืนและนั่งตามโอกาสสมควรไม่จำเป็นต้องหมอบคลานเหมือนแต่ก่อน เมื่อมีพระชนมายุใกล้บรรลุนิติภาวะจึงได้เสด็จออกทรงผนวชเป็นภิกษุ เมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2416 และลาผนวช เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ.2416 แล้วโปรดให้มีการราชาภิเษกอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2416 เพื่อแสดงให้ประชาชนและชาวต่างประเทศทราบว่าพระองค์ทรงรับผิดชอบในการปกครองบ้านเมืองด้วยพระองค์เองแล้ว
พระราชานุสาวรีย์ :
รัชสมัยของพระองค์ เป็นรัชสมัยแห่งการปฏิวัติแทบจะทุกทาง เหตุนี้ประชาชนจึงพร้อมใจกันเรี่ยไรเงินสร้างอนุสาวรีย์อย่างใดอย่างหนึ่งไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงพระองค์ บังเอิญประจวบเหมาะกับพระองค์เสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ.2450 ทรงพอพระทัยพระบรมรูปหล่อของพระเจ้าหลุยส์จึงขอให้พระองค์ไปประทับนั่งให้ชาวฝรั่งเศสปั้น แล้วหล่อส่งเข้ามาในประเทศ โปรดให้ประดิษฐานไว้ ณ พระลานหน้าพระราชวังดุสิต ทรงประกอบพระราชพิธีเปิดพระบรมรูปนี้ในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2451
พระบรมรูปทรงม้านี้ ขนาดทั้งพระบรมรูปและม้า ทรงทำโตกว่าของจริงเล็กน้อย โดยหล่อด้วยโลหะชนิดทองบรอนซ์ พระบรมรูปประดิษฐานบนแท่นหินอ่อนอันเป็นแท่นรองสูงประมาณ 6 เมตร กว้าง 2 เมตรครึ่ง ยาว 5 เมตรพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์บดินทรเทพยมหามงกุฎ บุรุษรัตนราชรวิวงษวรุตมพงษบริพัต วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ บรมธรรมมิกมหาราชาธิราช บรมนาถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จดำรงราชสมบัติมาถึง 42 ปีเต็มบริบูรณ์ เป็นรัชสมัยที่ยืนนานยิ่งกว่าสมเด็จพระมหาราชาธิราชแห่งสยามประเทศในอดีตกาล
พระองค์กอร์ปด้วยพระราชกฤษฎาภินิหาร เป็นอัจฉริยภูมิบาลบรมบพิตร เสด็จสถิตในสัจธรรมอันมั่นคงมิหวั่นไหว ทรงอธิษฐานพระราชหฤทัยในทางที่จะทำนุบำรุงพระราชอาณาจักรให้สถิตสถาพรและให้เกิดความสามัคคีสโมสร เจริญสุขสำราญทั่วไปในเอนกนิกร ประชาชาติเป็นเบื้องหน้า พระราชจรรยาทรงพระสุขุมปรีชาสามารถสอดส่องวินิจฉัย ในคุณโทษแห่งประเพณีเมือง ทรงปลดเปลื้องโทษ นำประโยชน์มาบัญญัติ โดยปฏิบัติพระองค์ทรงนำหน้า ชักจูงประชาชน ให้ดำเนินตามในทางที่งามดีมีประโยชน์เป็นแก่นสาร พระองค์ทรงทำให้ความสุขสำราญแห่งประชาราษฎร์สำเร็จได้ ด้วยอาศัยดำเนินอยู่เนืองนิจในพระวิริยะและพระขันติคุณอันแรงกล้า ทรงอาจหาญในพระราชจรรยา มิได้ย่อท้อต่อความลำบากยากเข็ญ มิได้เห็นข้อขัดข้องอันเป็นข้อควรขยาด แม้ประโยชน์และความสุขในส่วนพระองค์ ก็อาจจะสละแลกความสุขสำราญพระราชทานไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินได้ โดยทรงพระกรุณาปรานี พระองค์คือบุรพการีของราษฎร เพราะเหตุเหล่านี้แผ่นดินของพระองค์จึงยิ่งด้วยความสถาพรรุ่งเรืองงาม มหาชนชาวสยามถึงความสุขเกษมล่วงล้ำอดีตสมัยที่ได้ปรากฏมา พระองค์จึงเป็นปิยมหาราช ที่รักของมหาชนทั่วไป
ครั้นบรรลุอภิลักขิตสมัย รัชมังคลาภิเษก สัมพัจฉรกาล พระราชวงศานุวงศ์ เสนามาตย์ราชบริพาร พร้อมด้วยสมณพราหมณ์ อาณาประชาชนชาวสยามประเทศทุกชาติทุกชั้นบรรดาศักดิ์ ทั่วรัชสีมาอาณาเขต มาคำนึงถึงพระเดชพระคุณอันได้พรรณนามาแล้วนั้น จึงพร้อมกันสร้างพระบรมรูปนี้ ประดิษฐานไว้สนองพระเดชพระคุณเพื่อประกาศเพื่อเกียรติยศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปิยมหาราช ให้ปรากฏสืบไปชั่วกาลปวสาน
เมื่อสุรยคติกาล พฤศจิกายนมาศ เอกาทศดิถีพุฒวาร จันทรคติกาล กฤติกมาศ กาฬปักษ์ ตติยดิถี ในปีวอก สัมฤทธิมา 41 จุลศักราช 1270 (ตรงกับวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2451)
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2453 พระชนมายุได้ 58 พรรษา ครองราชสมบัติมานานถึง 42 ปี นับเป็นรัชสมัยที่ยืนนานที่สุดในประเทศไทย


ขอบคุณข้อมูลโดย : พระราชสุทธิญาณมงคลสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง

เพื่อนภูเก็ตทัวร์

ข่าวสารท่องเที่ยว

แผนที่ดาวเทียม